เอ็กซิมแบงก์ โชว์ไตรมาสแรก ปล่อยกู้หนุนเอสเอ็มอีส่งออกเพิ่ม 3 เท่า กำไรบวก 346%

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) แถลงผลการดำเนินงานในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2565 ว่า สามารถอนุมัติสินเชื่อใหม่ 14,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 74.37% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นวงเงินของลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม จำนวน 4,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 215.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้มีการปล่อยวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ให้กับลูกค้ารายใหม่ถึง 11,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 361.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความสำเร็จของธนาคารในการเข้าถึงธุรกิจรายใหม่ ทำให้มีสินเชื่อคงค้าง 150,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,209 ล้านบาท หรือ 12.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการค้า 38,030 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 112,591 ล้านบาทคำพูดจาก ทดลองสล็อต ใหม่ล่าสุด

นอกจากนี้ เอ็กซิมแบงก์ ยังมุ่งมั่นเป็นผู้นำ พากิจการไทยไปปักธงในตลาด ซีแอลเอ็มวี และตลาดใหม่ ที่มีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 เอ็กซิมแบงก์ มียอดคงค้างสินเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวมทั้งสิ้น 65,688 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 5,543 ล้านบาท หรือ 9.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อจำแนกเป็นรายตลาดที่สำคัญ เอ็กซิมแบงก์ ยังสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการสยายปีกไปยังกลุ่มประเทศ ซีแอลเอ็มวี และตลาดใหม่ อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 มีสินเชื่อคงค้างจำนวน 51,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,069 ล้านบาท หรือ 18.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นสินเชื่อคงค้างในเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศล่าสุดที่ธนาคารได้เปิดทำการสำนักงานผู้แทน จำนวน 13,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย เอ็กซิมแบงก์ มีกำหนดจัดพิธีเปิดสำนักงานผู้แทนในนครโฮจิมินห์อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้คำพูดจาก ทดลองสล็อต pg

“ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นของเศรษฐกิจโลก เอ็กซิมแบงก์ เร่งเสริมสร้างความมั่นใจแก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยด้วยการเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้ประกอบการมีโอกาสได้รับชำระเงินล่าช้าหรือถูกปฏิเสธการชำระค่าสินค้า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 เอ็กซิมแบงก์ มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 53,164 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 799 ล้านบาท หรือ 1.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน”

ขณะเดียวกัน เอ็กซิมแบงก์ ให้ความสำคัญกับการรักษาสถานะทางการเงินที่มั่นคง โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 4,307 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 เพียง 2.86% แต่มีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จำนวน 11,880 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 275.81% ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 เอ็กซิมแบงก์ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 346.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายรักษ์ กล่าวว่า จากการมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทั้งด้านสินเชื่อและบริการประกัน ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 เอ็กซิมแบงก์ มีจำนวนลูกค้าอยู่ที่ 5,022 ราย เพิ่มขึ้นถึง 16.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าเอสเอ็มอี 82.78% ซึ่ง เอ็กซิมแบงก์ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจต่าง ๆ แม้แต่ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และต้นทุนโลจิสติกส์สูงขึ้น อาทิ สินเชื่อ เอ็กซิม เพื่อซัพพลายเออร์ส่งออก และสินเชื่อ เอ็กซิม โลจิสติกส์ ที่ เอ็กซิมแบงก์ ดำเนินการร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อลดภาระต้นทุนให้กับผู้ส่งออกและนำเข้า นอกจากนี้ ได้เผยแพร่ข้อมูลและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการผ่านการให้คำปรึกษาและจัดอบรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 เอ็กซิมแบงก์ ได้ช่วยเหลือทั้งด้านการเงินและไม่ใช่การเงินแก่ผู้ประกอบการกว่า 14,200 ราย ด้วยวงเงินรวมประมาณ 76,700 ล้านบาท

Back To Top